... จากบทความ ของ อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
... โหราพาเพลิน เรื่อง สตรีหม้ายไร้คู่ไร้บุตร ...
... สตรี ... เกิดวันที่ ๔ ก.ค.๒๔๘๔ เวลา ๑๔.๐๐ น.
... ประวัติโดยย่อ ...
... เป็นดวงชาตาที่ทำงานหัวเป็นน๊อตตัวเป็นสกรู ทำงานไม่เลิกรา ขยันขันแข็งแต่การเงินรายได้กลับไม่ค่อยจะพอใช้จ่าย คือเหนื่อยแล้วยังมีอุปสรรค โดนผู้ร่วมงานกลั่นแกล้ง ... มีคู่ก็ทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงลอยกัน เป็นศัตรูต่อกัน ผลสุดท้ายก็ต้องแยกทางกัน ตนเองก็เลยกลายเป็นสตรีหม้ายลงในที่สุดหลายครั้งหลายครา ... แต่ก็ยังดีที่เมื่อเวลาแยกจากกันกับสามี ยังได้เงินเป็นทุนรอนจากสามีมาทำมาหากินได้บ้าง ... ดวงชาตานี้ไร้คู่และไร้บุตรที่จะสืบสกุลต่อไป ...
... ที่ว่าทำงานหัวเป็นน๊อตตัวเป็นสกรู ทำงานไม่เลิกรา ขยันขันแข็งแต่การเงินรายได้กลับไม่ค่อยจะพอใช้จ่าย คือเหนื่อยแล้วยังมีอุปสรรค ... จะเห็นได้ว่า ดาว ๖ ตนุลัคน์ สลับเรือนกับดาว ๒ กัมมะ
... อ่านได้ว่า ตนุ + กัมมะ + ตนุ = เจ้าชาตาขยันขันแข็งในการงานเป็นอย่างดี ฟังดูดี ... แต่อย่าลืมว่าดาว ๖ เป็นเจ้าเรือนมรณะด้วย ตรีโกณกับดาว ๓ กฏุมภะ ที่สถิตอยูราศีมีนเรือนอริ - ขัดสน - ไม่คุ้ม ...
... อ่านว่า ... งานที่เหนื่อยยากแต่รายได้ไม่คุ้มกับค่าแรง ...
... แปลรวมว่า ... เจ้าชาตาขยันขันแข็งในการงานเป็นอย่างดีแต่ว่าเงินและรายได้จากงานไม่คุ้มกับค่าแรงที่ลงไป ...
... โดนผู้ร่วมงานกลั่นแกล้ง ... มีคู่ก็ทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงลอยกัน เป็นศัตรูต่อกัน ...
... ดูที่ดาว ๓ ปัตนิไปอยู่เรือนอริ - ศัตรู - กลั่นแกล้ง ดาว ๕ อริไปอยู่เรือน มรณะ ดาว ๖ มรณะไปอยู่กัมมะ สลับเรือนกับตนุ
... ปัตนิ หมายถึง ... คู่ครอง - ผู้ร่วมงาน - คนอื่น - บ่อยครั้ง - เป็นประจำ - มีปัญหา ...
... แปลว่า ... บ่อยครั้งเป็นประจำที่ถูกผู้ร่วมงานกลั่นแกล้งทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงลอยกัน จนทำให้ต้องเป็นศัตรูต่อกันในที่สุด ... รวมทั้งคู่ด้วย ...
... ที่ว่าเป็นสตรีหม้ายละ ! ...
... ดูที่ ดาว ๒ - สตรี เล็ง ๗ - หย่าร้าง ... ๒ + ๗ = สตรีหม้าย
... ๗ ยังทำมุมฉากกับ ๖ มรณะ - หมดเยื่อใย ๖ - ความรัก + เสน่หา
... หมายถึงการหย่าร้าง ...
... แต่ก็ยังดีที่เมื่อเวลาแยกจากกันกับสามี ยังได้เงินเป็นทุนรอนจากสามีมาทำมาหากินได้บ้าง ...
... จะเห็นว่าราศีพฤษภเป็นเรือนกฎุมภะของปัตนิ และเป็นเรือนลาภะของดาว ๖ - ราชาโชค - ง่ายๆ ซึ่งสถิตอยู่เรือนกัมมะของลัคนา ...
... แปลว่า เจ้าชาตาได้ทุนรอนมาจากคู่เพื่อมาต่อทุนทำมาหากิน ...
... ดวงชาตานี้ไร้คู่และไร้บุตรที่จะสืบสกุลต่อไป ...
... ๗ พันธุ เป็น นิจจ์ = ครอบครัวที่พลัดพรากแตกแยก
... ๓ ปัตนิ + อริ + มรณะ = คู่ที่ขัดแย้งและจากไปในที่สุด - ไร้คู่
... ๘ ปุตตะ + วินาสน์ = ไร้บุตร
... ๐ ปุตตะ + มรณะ = ไม่มีบุตร
... ต่อไปนี้เราจะดูดาว ๓ ปัตนิ ระบบอวตารกันดูนะครับ ...
... ดาว ๓ อยู่ราศีมีนเรือนอริ อ่านว่า ปัตนิ + อริ ... ดาว ๓ ตามกระแสดาว ๕ เจ้าเรือนอริไปอยู่ราศีพฤษภเรือนมรณะ ... อวตารเป็น ๓ ประ
+ ราชาโชค [ ๓ ขี่โค ] ... แล้วก็ตามดาว ๖ เจ้าเรือนมรณะไปอยู่ราศีกรกฏเรือนกัมมะ อวตารเป็น ๓ นิจจ์ แล้วก็ตามดาว ๒ เจ้าเรือนกัมมะไปอยู่ราศีตุลย์เรือนตนุ ... อวตารเป็น ๓ ประ ...
... ขับดาว ๓ ปัตนิไปจนจบสิ้นกระบวนท่าแล้วปรากฏว่าหาดีไม่ได้เลย
... ดูทางดาวพลูโตเจ้าเรือนปัตนิอีกภาคหนึ่งก็จะเห็นว่าดาวพลูโตตามดาว ๒ เจ้าเรือนกัมมะไปอยู่ราศีตุลย์เรือนตนุ ... อวตารมาเป็นประ - อ่อนตัว ... อีกเช่นกัน ...
... ดาว ๓ = ปัตนิ - คู่ + กฎุมภะ - เงิน เป็นดาวดวงเดียวกัน ดังนั้นเรื่องการเงินก็อ่อนด้อยอ่อนตัวเหมือนคู่เช่นเดียวกัน ...
... ส่วน ดาว ๗ ก็อวตาร ตามดาว ๓ ไปทุกระยะ ๓ + ๗ = คู่ศัตรู ... เจอกันตลอด ...
... จากการอวตารของดวงดาวจะเห็นว่าดาว ๒ และดาว ๖ เป็นเกษตรซึ่งเป็นนิมิตรหมายว่า เจ้าชาตาควรจะดูแลตัวเองให้มากขึ้น รักสวยรักงาม สนใจในสิ่งที่สุนทรีย์ ศิลป ของสวยงาม ฟังดนตรี หัดร้องเพลง ให้สมกับ ๒ + ๖ = นางฟ้า ...
... ก็จะเป็นการแก้เคล็ดในพื้นดวงชาตาได้เป็นอย่างดี ...
... การที่ดาวอวตารจะเป็นลักษณะการแฝงตามเจ้าเรือนที่ตนอาศัยอยู่ไปปรากฏตัวตนคล้ายดาวที่วิ่งเป็นเกษตรเทียมสลับเรือนกันนั่นเอง ต่างกันที่ว่าดาวอวตารสามารถตามกระแสเจ้าเรือนไปได้เรื่อยๆจนดาวเป็นเกษตรถึงจะยุติการแฝงตัวตาม ... จะทำให้เห็นภาพลักษณ์ได้หมดจดชัดเจนได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องอาศัยนวางศ์จักรมาช่วยแต่อย่างใด ...
... สวัสดีครับ ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...